วันที่สอง สำหรับบ้านใหม่*
เมื่อวานเขียนเรื่องที่มาของชื่อบลอกไปแล้ว
ต่อจากนี้ ก็จะมีแต่เรื่องของตัวเราเองล้วนๆ
คงไม่มีสาระอะไร เพราะถ้ามีสาระ จะไปเขียนอีกบลอกนึงละกัน
วันนี้ก็ไปทำงานตอนบ่าย หลังจากที่ต้องตื่นไปทำตอนเช้าติดๆกันหลายวันแล้ว
ที่จริงก็อยากทำตอนเช้าอีกนะ เพราะได้เงินเยอะดี
แต่ถ้าบ่อยๆก็อาจจะเบื่อมั้ง ไม่รู้เหมือนกัน
ก็ทำงานเหมือนเดิม งานไม่หนัก ไม่เหนื่อย
วันนี้เลิกเร็วด้วย เพราะเด็กเสร็จเร็ว กลับกันเร็ว
ก่อนกลับบ้านครูก็ถามเรื่องงาน บอกว่าอีกหน่อยครูอีกคนก็ไม่อยู่
เราก็มาทำแทนได้ ถ้าไม่เบื่อซะก่อน
แต่ว่าเราอยากไปทำที่ร้านหนังแล้วอะดิ
อยากดูหนังฟรี!!
แล้วอีกอย่าง ถ้าได้งานที่ร้านเช่าหนังจริงๆ มันก็ใกล้หอ
เดินไปก็ถึง ไม่ต้องเสียเงินค่ารถ ไม่ต้องเดินทางไกล
แต่งานที่คุมองก็สบาย ทำมานานแล้วด้วย
เงินก็ดี จริงๆอยากทำทั้งสองที่เลย
แต่ไม่รู้ว่าที่ร้านเช่าหนังจะให้หยุดวันไหนได้บ้าง
อย่างน้อยๆถ้าได้หยุดวันเสาร์มาทำคุมอง ก็คงจะดีมาก
เห้อ ลังเล ไม่รู้จะตัดสินใจยังไงดี
ก็บอกครูเค้าไปว่าขอคิดดูก่อน
จะลองไปสมัครงานที่ร้านนั้นแล้วดูว่าจะต้องอะไร ยังไงบ้าง
เพราะถ้าไม่ทำงานทุกวัน จะหาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าหอ
สิ้นเดือนนี้ก็จะย้ายแล้ว อย่างน้อยๆต้องมีเงินไว้จ่ายค่าหอสามพันกว่า
ค่าน้ำไฟ ค่าเน็ต แล้วไหนจะค่ากินอีก ไม่อยากขอตังค์แม่ถ้าไม่จำเป็น
เดี๋ยววันอาทิตย์นี้ก็ต้องเอาเงินไปวางจองแล้ว
แอบตื่นเต้นที่จะได้ไปอยู่หอคนเดียวอีกครั้ง
หลังจากที่อยู่คนเดียวในบ้านมานาน
ที่ไปดูห้องมาวันนั้นก็โอเคเลย ตอนแรกไม่อยากเอาเฟอร์ แต่เค้าบังคับอะ
ซึ่งก็ดี ไม่ต้องขนอะไรไป เอาแต่เสื้อผ้า หนังสือ กีต้าร์ แล้วก็พวกของใช้จำเป็นไป
คราวนี้จะไปไหน กลับดึก ยังไงก็ไม่ต้องกลัวตกรถแล้ว
จะสูบบุหรี่ กินเหล้า ก็ทำได้ ไม่ต้องสนใจใคร
เวลาอ่านหนังสือ ก็อ่านเงียบๆได้
จะเล่นกีต้าร์ ก็เล่นได้
อิสระเสรี ที่จะทำอะไรก็ได้อย่างที่ต้องการ
แต่ก็แลกกับความลำบาก เหนื่อยที่ต้องทำงาน
ซึ่งมันก็คุ้มค่า เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตเรา
ก็คือ อิสระภาพ
เรายอมเหนื่อยกาย ดีกว่าเหนื่อยใจ
อยู่กับผู้คนที่ไม่เคยเข้าใจเรา
ก็สงสารแม่ที่อุตส่ากลับมาอยู่บ้าน
แล้วกลายเป็นว่า เราดันออกไปอยู่ที่อื่นแทน
แต่จะให้ทำไงได้ ในเมื่อบ้านนั้นมีคนที่เราไม่อยากอยู่ด้วย
เหมือนที่เค้าพูดกันแหละ ว่าคับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก
หลังจากนี้ชีวิตเราจะเป็นยังไงต่อไปนะ
ในเมื่อตัดสินใจออกจากบ้าน ไปอยู่เองตามลำพังแบบนี้
แล้วต้องทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองให้ได้ด้วย
หวังว่าคงทำได้ ไม่ทำให้แม่ลำบาก
เห้อ ทนรอให้ถึงสิ้นเดือนไม่ไหวแล้ว อยากย้ายเต็มที
อีกสิบกว่าวันแน่ะ อืม รอก่อนนะ อิสระภาพของชั้น
วันนี้ ซื้อหูฟังเอ็มพีสามไป60บาท ก็ดีนะ แต่เสียงเบาไปนิด
เห็นว่ามันเป็นแบบสวมหัว อยากได้นานละ เอามาใช้แก้ขัดไปก่อน
เพราะฟังหูเดียว เซ็งมานาน
ซื้อ A day เล่มล่าสุดมา หน้าปกมหาตมะ คานธี
เปิดอ่านดูแว้บๆ เพราะไม่มีเวลา เห็นสัมภาษณ์พี่ริคข้างในด้วย
เดี๋ยวมีเวลาจะอ่านต่อ
แล้วเมื่อวานก็ซื้อหนังสือไปสามเล่ม Lush เล่มล่าสุด หน้าปก วสันต์ สิทธิเขตต์
แดนฝันปลายขอบฟ้า ของ มูราคามิ แล้วก็ หัวแตงโม ของ พี่โตโต้
เนี่ยนะ ทำงานได้เงินมาเยอะแยะ แต่ก็หมดไปกับของพวกนี้แหละ
ซึ่งก็คุ้มค่า ดีกว่าเอาเงินไปกินเหล้าใช่มะ ที่จริงก็เกือบไปกินเหล้าละ
แต่โทรหาไอ้ชุแล้วดันเรียนอยู่ โทรหาคนอื่นๆ ก็ไม่ว่าง
เลยเดินเข้าร้านหนังสือ เจอหนังสือที่อยากได้เพียบเลย
แต่ก็ตัดสินใจซื้อสามเล่มนี้มาก่อน ที่ดูๆไว้ว่าจะซื้อ อีก ก็มีศาสดาเบสเซลเลอร์
กับโลกของเราขาวไม่เท่ากัน คาดว่าจะซื้อคราวหน้าที่เดินเข้าร้านหนังสือล่ะ
สรุปแล้วสองสามวันมานี่ก็ใช้เงินไปเกือบๆพันเลยนะ
หนังสือก็ปาเข้าไปห้าร้อยกว่าบาทละ
ตอนแรกที่จะเอาเงินไปซื้อกางเกงยีนส์ของแมค ก็มีอันต้องเว้นไปก่อน
ไว้เก็บเงินได้ใหม่ แล้วจะซื้อให้ได้ซักตัว
อ่อ แล้วเมื่อวานแม่ก็ซื้อกรอบแว่นให้ด้วย ยังไม่เห็นเลยว่าหน้าตาเป็นไง
กลัวแม่จะเลือกมาไม่ถูกใจ เพราะมันเป็นแบบนั้นตลอดแหละ
เรามันพวกรสนิยมแปลกประหลาด แม่ไม่เคยเลือกให้ตรงกับที่เราชอบได้ซะที
แต่เดี๋ยวต้องไปวัดสายตาใส่เลนส์อีกที
ตอนนี้ชักรำคาญคอนแทคเลนส์อีกละ ทั้งที่เพิ่งกลับมาใส่ได้ไม่ีกี่วันเอง
เบื่อที่ต้องคอยหยอดน้ำตาเทียมตลอด เพราะไม่ังั้นก็จะแสบตา ตาแห้ง
สงสัยต้องกลับไปใส่แว่นเหมือนเดิมซะล่ะมั้ง
เซ็งจัง เกิดมาสายตาไม่ปกติเนี่ย-*-
พรุ่งนี้ไปทำงานแต่เช้าอีกแล้ว วันอาทิตย์เอาเงินไปจองห้อง
แล้วก็ไปรับมะที่สระบุรีกับเจี๊ยบ ไปกินไอติมดีกว่าแฮะ บอกจะกินนานละ
ไม่ได้กินซะที แต่ก็อยากกลับบ้านเร็วๆด้วยนะ เพราะอยากอ่านหนังสือที่ซื้อมา
ยังเหลือในสต๊อคอีกเพียบเลยล่ะ ก็ไำม่รู้ยังไง เดี๋ยวดูอีกที
แต่วันจันทร์ก็ว่าง อาจจะไปสมัครงานด้วย
จะรับมั้ยวะ กลัวเค้าไม่รับชะมัด วุฒิม.ปลายเรามันแสนต่ำต้อย
ถ้าดูจากในใบกระดาษนั่น เราก็ไม่อยากรับหรอก
แต่ก็อยากให้เค้ารู้ว่า ตัวเราจริงๆมีความสามารถกว่าที่เห็นในกระดาษแผ่นนั้น
แล้้วเค้าจะรู้ได้ไงล่ะ จริงมะ ใครจะไปรู้ได้
นอกซะจากเค้าจะให้โอกาสเราลองทำงานดู
เห้อ เขียนอะไรซะยืดยาวเลยแฮะเรา
ไม่คิดว่าจะยาวขนาดนี้นะ
จะสามทุ่มแล้ว ไปอาบน้ำอ่านหนังสือดีกว่า
เดี๋ยวพรุ่งนี้ทำงานแต่เ้้ช้า ไว้มาเขียนต่อพรุ่งนี้ก็ได้
ไปละ :p
18 มกราคม 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น