วันนี้ตื่นสายกว่าทุกวัน เพราะเป็นวันหยุด
หลายวันแล้วที่ตื่นเช้าไปทำงาน เลยนอนเต็มที่เลย
ที่จริงก็ตื่นตั้งแต่ตอนเก้าโมงแล้วล่ะ แต่ก็ยังไม่ลุกจากเตียง
นอนอ่านแดนฝันปลายขอบฟ้า
อ่านไปแล้วก็ง่วง ง่วงแล้วก็นอนต่อ
เพราะนอนสักพักก็ตื่น ตื่นแล้วก็อ่านต่อ
จนเกือบๆเที่ยง ก็ลุกไปนั่งเล่นคอม ดูโน่นนี่
แล้วก็อาบน้ำ รอแม่กลับมาจากหาดใหญ่
แม่มาถึงช้ากว่าที่คิด แต่ตอนมาถึง เราก็อาบเสร็จพอดี
แม่นั่งพัก เล่าเรื่องระหว่างที่อยู่ที่โน่นกับแฟนให้ฟัง
แล้วแม่ก็ขับรถพาเราไปจ่ายเงินค่าจองหอ
ทีแรกจะทำสัญญาเข้าอยู่เลย แต่เค้าบอกว่าไม่ได้
ให้จ่ายเงินจอง แล้วค่อยมาทำสัญญาตอนเข้าอยู่จริง
ก็เป็นอันว่า สิ้นเดือนนี้ เราจะย้ายไปอยู่หอแล้วล่ะนะ
ก่อนกลับบ้าน บอกแม่ให้แวะที่เดอะมอลหน่อย
เราจะซื้อกางเกงของแม็คสักตัว
ตอนแรกว่าจะซื้อ ขาสามส่วนที่เล็งไว้ แต่จำราคาผิดเป็นหกร้อย
ที่จริงมันแปดร้อยกว่าๆเกือบเก้าร้อยน่ะนะ
พอไปดูเลยเกิดเปลี่ยนใจ เพราะเห็นขายาวสีดำอีกตัวนึง
ราคาพันกว่าบาท ต่างกันไม่เท่าไหร่เอง
เลยตัดสินใจซื้อขายาว เพราะจะได้ใส่ไปทำงานได้ด้วย
เราจะจ่ายเองทั้งหมด แต่แม่ก็ออกให้มาสามร้อย
ทำให้เราคิดว่า ไม่ว่าเราจะทำไม่ดีกับแม่ยังไง แม่ก็รักเราเสมอเลย
รู้สึกผิดนิดๆ ที่จะทิ้งแม่ไปอยู่ที่อื่น
อ้อ กางเกงได้ลดสิบเปอเซ็นต์ด้วย เพราะแม่เอามือถือไปแลกคูปอง ได้ส่วนลดมา
เสียดายที่เราไม่ได้ใช้จีเอ็สเอ็ม ไม่งั้นก็ได้อีกใบ
ส่วนลดมันมีตั้งแต่สิบถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์เลยนะ
ตกลงว่าจ่ายค่ากางเกงไปทั้งหมดเก้าร้อยกว่าบาท
กางเกงสีดำ ขากระบอกธรรมดานี่แหละ อยากได้มานานแล้ว
แต่ว่าขามันยาวไปนิด สงสัยอาจต้องไปตัดออกนิดนึงมั้ง
เออ ลืมไป ตอนที่หาที่จอดรถในห้าง
เนื่องจากวันนี้มันเป็นวันอาทิตย์ใช่ปะ รถก็เลยเยอะมาก
แล้วแม่ก็หาที่จอดรถอยู่นาน จนฟลุคไปเจอที่นึงว่าง
แล้วจังหวะที่กำลังดีใจกัน จะถอยรถจอด แม่ก็มัวแต่ดูข้างหน้า
จนลืมดูรถข้างหลังที่จอดอยู่ เลยชนไปนิดนึง ได้ยินเสียงชนเลยล่ะ
พอเราบอกแม่ว่าชนแล้ว แม่เลยรีบขับไปที่อื่นเลย
เราก็กลัวสุดๆ ว่าเค้าจะตามเจอ เพราะมันน่าจะมีกล้องวงจรปิด
แต่จะบอกว่าเห็นแก่ตัวก็ได้มั้ง เพราะแม่ยังไม่ได้ไปต่อประกันรถ
เลยต้องรีบขับหนีไป ซึ่งพอขับมาจอดที่อีกชั้นนึงก็ลงมาดูท้ายรถ
ปรากฎว่า มีรอย ถลอกๆนิดเดียว ไม่บุบแบบที่คิดไว้
คาดว่ารถวีออสสีดำคันนั้นก็คงจะเป็นรอยนิดหน่อยเช่นกัน
ถ้าไม่สังเกตก็อาจจะไม่รู้ว่าโดนชน
เรื่องชนแล้วหนีนี่ เราเคยทำมาแล้วครั้งนึง
ตอนนั้นขี่มอไซค์ชนกับมอไซค์อีกคัน จนคนขับตกใจทิ้งรถ
แล้วก็กลิ้งตกถนนต่อหน้าเรา พอเค้าลุกนั่งขึ้นมา ก็เป็นลมสลบไปเลย
เราตกใจมาก แล้วก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็ลงไปดูกับรุ่นพี่คนนึงที่นั่งมาด้วย
แล้วก็ไปตามคนที่โรงแรมที่เค้าทำงานอยู่ บอกว่าคนเค้าโดนรถชน
แล้วเรากับรุ่นพี่ก็กลับบ้านกันมา โดยไม่มีใครรู้เลยว่า เราเป็นคนชน
เพราะตอนนั้นไม่มีคนเห็นเหตุการณ์เลย มีแต่คนบอกว่า รถล้มเอง
ตอนหลังได้ข่าวว่าเค้าไม่เป็นอะไร แค่ตกใจเลยเป็นลม
รู้แบบนั้นแล้วก็สบายใจที่เค้าไม่เป็นอะไร
แต่รู้สึกไม่สบายใจที่หนีมา ซึ่งถ้าเป็นตอนนี้คงไม่หนี
แต่ตอนนั้นเราเด็กมาก แล้วก็กลัว ไม่มีเงินด้วย
มันอาจเป็นข้อแก้ตัวแย่ๆสำหรับคนที่ทำผิดแล้วไม่กล้ารับผิด
เรายอมรับ แต่เรื่องบางอย่าง เมื่อเกิดขึ้นแล้ว บางทีมันก็จัดการไม่ได้
เพราะความขี้ขลาดของเราเอง
หวังว่าต่อไปถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นอีก เราจะกล้ารับผิดชอบต่อสิ่งที่เราทำ
กลับมาเรื่องปัจจุบัน หลังจากที่ซื้อกางเกงเสร็จ ก็รีบกลับบ้าน
กลับมาถึงก็ไม่มีอะไร ดูละครหลังข่าวเรื่องใหม่
ออนเอ็ม เช็คไฮ5 อ่านบลอก กิจกรรมหลักตอนนี้ของเรานั่นแหละ
นอกจากการอ่านหนังสือแล้วล่ะนะ
อืม แล้วก็เล่นกีต้าร์ด้วยล่ะวันนี้
ไมไ่ด้เล่นมานานมากแล้ว เป็นเดือนแล้วมั้ง
แต่อยู่ดีๆก็อยากเล่นขึ้นมา
ก็หาเพลง เพียงเธอ ของ สุกัญญา มิเกล
เพราะอยากจะเอาเพลงนี้ไปเล่นเปิดหมวก
ร้องไปเรื่อยเปื่อย จนเปิดบลอกไอ้บี
แล้วก็คุ้นๆว่า เพลงที่มันเปิด คือเพลงเดียวกับที่นกเล็กเปิด
ฟังไปฟังมา ปรากฎว่า คอร์ดที่เราจับอยู่ แล้วกำลังเล่นอยู่
มันเป็นคอร์ดเริ่มต้นของเพลงนี้นี่หว่า
เลยลองแกะดู ปรากฎว่าใช่จริงๆ บีไมเนอร์
เราเลยลองเล่นไปเรื่อยๆ เพราะดีจริงๆแหละแบบที่นกเล็กบอกเลย
ก็รู้สึกดีที่บังเอิญเล่นเพลงนี้ได้
อยากเล่นให้ฟังทั้งคู่เลย ทั้งบี ทั้งนกเล็ก
แต่ก็คงยากแหละนะ ที่จะเล่นให้ทั้งสองคนได้ฟังพร้อมๆกัน
อืม แล้วพอเล่นจนเบื่อแล้ว ก็ไปนอนดูละครต่อ
อยู่ๆ ก็มีเสียงของแม่ดังลอยมาจากข้างบน
พยายามฟังว่าแม่พูดอะไร แล้วก็จับใจความได้ว่า
แม่กำลังด่าพี่เราอยู่ เรื่องอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยดีนัก
มีเสียงปิดประตูดัง ปัง! หลายครั้งหลายหน
แต่ไม่ได้ยินเสียงพี่เราโต้ตอบเหมือนเคย
เพราะพี่เราหนีเข้าห้องนอนเค้า แล้วก็ไม่ยอมคุยกับแม่
ปล่อยให้แม่โกดหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่คนเดียว
ก็คงจะเป็นเรื่องเดิมๆน่ะแหละ เรื่องที่พี่ยืมเงินแม่ไปลงทุนขายของ
แต่ยังไม่ทันไรก็็เลิกขายซะแ้ล้ว ไหนจะเงินที่ยืมไปจ่ายค่ามอไซต์อีก
แล้วที่แม่โกด ก็คงเป็นเพราะ พี่เราไม่มีทีท่าว่าจะสู้งานเลย
แฟนพี่เราก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านด้วย แถมยังไม่มีงานทำ
แม่ก็กลุ้มใจเรื่องนี้แหละ เพราะถ้าให้เลี้ยงทั้งคู่ก็คงไม่ไหว
ลำพังแค่ค่าบ้านค่ารถ ก็กว่าจะหามาจ่ายได้ เหนื่อยกว่าใครทั้งหมด
เราเองก็รู้ดี การที่ออกไปอยู่หอ ก็รู้ว่ามันเปลือง คิดว่าจะพยายามอยู่ได้ด้วยตัวเอง
จะไม่ทำให้แม่เดือดร้อน จะไม่ขอเงินแม่ถ้าไม่ลำบากสุดๆจริงๆ
สงสารแม่มาก ไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
เพราะได้ยินแม่ไล่พี่ออกจากบ้านหรืออะไรสักอย่าง
แล้วแม่คงน้อยใจ เพราะได้ยินว่า พี่เป็นห่วงแต่แฟนไม่ห่วงแม่
เราเองก็เข้าใจความรู้สึกนี้ดี เพราะเรารู้สึกแบบนั้นมาตลอด
ตั้งแต่ที่พี่เรามีแฟนมา เราเองก็รู้สึกเหมือนคนนอก
ไม่ว่าจะทำอะไร ดูเหมือนพี่จะแคร์แฟนเค้ามากกว่า
ซึ่งบางคนอาจคิดว่าถูกต้องแล้ว ก็แฟนเค้านี่
แต่สำหรับเรา ครอบครัวก็สำคัญไม่น้อยไปกว่าคนรักหรอกนะ
ยังไงก็จะต้องดูแลครอบครัวตัวเองด้วย ไม่ใช่ว่าจะดูแลแต่คนรักของตัวเอง
แต่เรื่องแบบนี้ มันก็พูดยาก ต่างคนต่างความคิด
พอเราดูละครจบ พี่เราก็ลงมาจากข้างบน ขนของบางอย่าง
ออกจากบ้าน นั่งรถไปไหนไม่รู้
ก็คงจะไปนอนกับแฟนล่ะมั้ง เพราะไม่เห็นแฟนกลับมาที่บ้าน
เรื่องถึงขนาดนี้แล้ว แต่เรากลับทำได้แค่นั่งเขียนบลอก
แทนที่จะขึ้นไปดูว่าแม่เป็นยังไงบ้าง
เราเองก็ไม่ใช่ลูกที่ดีอะไรเลยสักนิดเดียว
อาจจะไม่ต่างกับพี่เราก็ได้ ที่ไม่สนใจความรู้สึกของคนเป็นแม่
เราว่าแม่คงยังไม่หลับ คงหลับไม่ลง
ใครที่ทะเลาะกับลูก แล้วรู้ว่าลูกออกจากบ้านไป
ก็คงหลับไม่ลง แต่ก็ไม่แน่ เพราะวันนี้แม่เราเพิ่งเดินทางมาถึง
แล้วยังขับรถพาเราไปโน่นนี่ กว่าจะกลับก็มืดค่ำ
อาจจะเหนื่อยจนหลับไปแล้วก็ได้
ทำไมครอบครัวเราต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ
ทั้งๆมีกันแค่สามคนแม่ลูก แต่ไม่เรากับพี่ทะเลาะกัน
ก็แม่กับพี่ทะเลาะกัน หรือไม่งั้นเราสามคนก็ทะเลาะกัน
ยากมากที่เราจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ
มันเพราะอะไรกันนะ อารมณ์ เหตุผล ใจร้อน
เพราะเราต่างไม่เข้าใจกันและกันอย่างนั้นหรือ
เราสามคนจะไม่สามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้ตลอดชีวิตนี้หรือ
เราไปทาง พี่ไปทาง แล้วคนที่เสียใจที่สุดคือใคร แม่เราเองน่ะสิ
ผู้หญิงที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อลูกสองคนเพียงลำพัง
แต่สุดท้ายแล้ว กลับต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว
ในบ้านที่ซื้อหามาด้วยความลำบาก เพื่อที่จะให้ทุกคนได้อยู่ด้วยกัน
แต่กลับต้องมาอยู่คนเดียวแบบนี้
เราไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เพราะเราเองก็เห็นแก่ตัว
อยากได้ชีวิตที่อิสระเสรี ไม่มีใครมาคอยควบคุมห้ามปราม
แล้วเราก็ไม่สามารถยอมรับที่จะอยู่ร่วมกับพี่เราได้
บางที เราอาจต้องปล่อยให้มันเป็นไป
บางที มันอาจถูกกำหนดมาแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้
บางที การอยู่ห่างกันอาจดีที่สุดสำหรับเราสามคน
บางที เมื่อถึงเวลานึง เราอาจได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
และบางที เวลาที่ว่านั้น อาจไม่มีวันมาถึง
ปล.พรุ่งนี้จะไปสมัครงานร้านซึทาย่าที่คาร์ฟู
แต่ยังไม่ได้เตรียมอะไรเลยสักอย่าง
รูปถ่ายก็ไม่รู้ว่ายังมีอยู่รึเปล่า ตกลงจะได้เรื่องมั้ยวะเรา--'
่
20 มกราคม 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น